สวัสดีผู้ที่กำลังมองหาผู้ให้บริการรถกระเช้าอยู่ทุกท่านครับมาถึงตอนนี้ผมเองเชื่อว่าทุกท่านน่าจะสามารถหาผู้ให้บริการรถกระเช้าได้แล้วหรืออย่างน้อยที่สุดก็น่าจะมีรายชื่อของผู้ที่ให้บริการรถกระเช้าอยู่ในใจกันบ้างสักรายสองรายซึ่งในบทความตอนนี้นั้นผมเองจะพาทุกท่านไปรู้จักกับวิธีการเลือกใช้บริการผู้ให้บริการรถกระเช้ากันครับเพื่อที่ว่าจะได้ผู้บริการที่ดีและไม่โดนหลอก สำหรับหลักในการเลือกผู้ให้บริการรถกระเช้าไฟฟ้านั้นอย่างแรกสุดก็คือเรื่องของความน่าเชื่อถือครับโดยเราเองต้องพิจารณาก่อนว่าผุ้ให้บริการนั้นเขามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เขามีรถกระเช้าไว้ให้บริการจริงหรือเปล่าหรือเป็นแบบว่ารับเงินเราไปแล้วไปจ้างต่ออีกทีส่วนถ้าหากเป็นในรูปแบบของบริษัทห้างร้านก็ควรที่จะตรวจเช็คว่าเป็นบริษัทจริงหรือไม่หรือเป็นบริษัทในรูปแบบของการหลอกลวง เรื่องต่อไปที่ควรพิจารณาหลังจากที่เราทราบว่าน่าเชื่อถือและให้บริการจริงแล้วก็คือเรื่องของราคาการใช้บริการก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรพิจารณาโดยเราเองต้องศึกษาเรื่องของราคากลางค่าเช่ามาก่อนก่อนที่จะมาเจรจาเรื่องราคากับผู้ให้บริการรวมไปถึงต้องมีการตกลงกันให้ดีว่าราคาที่เราจ่ายไปนั้นครอบคลุมค่าอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง หลักๆ สองข้อที่ว่ามานี้คือเรื่องที่ผู้ใช้บริการเช่ารถกระเช้าจากผู้บริการควรพิจารณาก่อนการใช้งานซึ่งผมเองหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าทุกท่านน่าจะได้ผู้ให้บริการรถกระเช้าที่ดีและไม่โดนหลอก

ทุกท่านครับขึ้นชื่อว่าสิ่งของแล้วไม่ว่าสิ่งใดในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่สามารถที่ชำรุดผุพังได้ทั้งหมด ทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่อยู่แบบต่อเนื่องยาวนานไปจนฟ้าดินสลาย ซึ่งรถเครนเองก็ไม่เว้นเช่นกันครับเมื่อใช้งานไปนานๆ ย่อมต้องมีเรื่องของการชำรุดเสียหายบ้างเป็นธรรมดาซึ่งถ้าหากว่าเป็นรถเครนที่เราเป็นเจ้าของเองนั้นหากพังก็ไม่เท่าไหร่อย่างมากก็เสียเงินซ่อมเอาแต่ถ้าหากว่าเป็นการที่เราเช่าเครนมาแล้วดันเกิดพังหรือเสียหายตอนที่กำลังทำงานของเราอยู่นี่สิครับความรับผิดชอบจะเกิดกับใครวันนี้มีคำตอบครับ ในกรณีที่เราใช้บริการเช่าเครนจากร้านเช่าเครนโดยมากร้านเช่าเครนเขาจะมีคนขับมาพร้อมกันกับรถดังนั้นเรื่องที่รถเครนจะชำรุดเสียหายความเป็นไปได้จึงแทบจะเป็น 0 เพราะเขาต้องมีการตรวจสภาพรถมาก่อนแต่ถ้าหากเกิดขึ้นจริงเราเองในฐานะผู้จ้างก็ไม่ต้องรับผิดชอบแต่อย่างใดครับทางผู้รับจ้างเองจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบแทน แต่อย่างไรก็ตามการรับผิดชอบผู้ให้เช่าเครนนั้นมันก็ไม่ได้ทุกกรณีนะครับเพราะถ้าหากเป็นกรณีที่ว่าคนขับรถเครนมองดูแล้วว่าไม่มีความปลอดภัยหรืออาจทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นจึงแนะว่าไม่ควรทำแต่ผู้รับเหมายังยืนยันให้ทำกรณีนี้ถ้าหากเกิดความเสียหายขึ้นมาล่ะก็ผู้จ้างต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มๆ ครับเพราะถือว่าทางผู้รับจ้างที่เขาให้เช่าเครนนั้นได้บอกได้เตือนแล้วแต่ทางผู้จ้างยังยืนยันให้ทำเอง

สวัสดีครับทุกคนสำหรับบทความในตอนนี้ผมเองนั้นจะมาพูดถึงเรื่องของการให้บริการ รปภ ครับว่ามันนั้นเป็นหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องกับใครหรือส่วนใดเพราะมีหลายคนยังสับสนในเรื่องนี้กันอยู่ซึ่งผมเองนั้นกล้าการันตีครับว่าถ้าหากท่านอ่านบทความในตอนนี้จบลงปุ๊บก็จะทราบทันทีครับว่ามันเกี่ยวข้องกับใคร   เมื่อพูดถึงการให้บริการ รปภ นั้นเราเองต้องแยกเป็นสองส่วนครับโดยส่วนแรกคือการให้บริการ รปภ ชนิดที่เป็นการจัดหาพนักงาน รปภ ไปทำงานตามบ้านเรือน ร้านค้าหรือบริษัทต่างๆ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ กรณีนี้ หน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดหาและการให้บริการจะเป็นของบริษัทจัดหาพนักงานรักษาความปลอดภัยพวกบริษัท security guard นั่นเองครับได้เกี่ยวข้องกับตัวพนักงานรปภ แต่อย่างใด   ส่วนอีกกรณีหนึ่งนั้นก็คือเรื่องของการให้บริการ รปภ ที่ตัวของพนักงาน รปภ เองเป็นผุ้รับจ้างด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านบริษัทจัดหาพนักงาน รปภ ซึ่งในกรณีนี้โดยมากตัวพนักงาน รปภ เองมักจะมีงานประจำของตนเองอยู่แล้วแต่เป็นการรับจ็อบหรือรับงานพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาจากเวลาการทำงานปกติซึ่งถ้าหากเป็นกรณีแล้วล่ะก็ความรับผิดชอบหรือคนที่เราต้องติดต่อโดยตรงก็คือตัวของพนักงาน รปภ หรือพนักงานรักษาความปลอดภัยโดยตรงเลยครับ ทั้งหมดนี่แหละครับคือความหมายของการให้บริการ รปภ ซึ่งการที่เราจะทราบว่าควรจะเป็นความหมายไหนให้ดูจากสถานการณ์เป็นสำคัญครับโดยท่านอาจจะใช้วิธีจำง่ายๆ แบบนี้ก็ได้ครับว่าถ้าหากไปหาคนมาจากบริษัทคนที่เกี่ยวข้องก็คือบริษัทแต่ถ้าเป็นรายบุคคล คนที่เกียวข้องก็คือตัวพนักงานเองครับ

เป็นเรื่องที่สร้างความสับสนให้กับผู้ฟังได้พอดูทีเดียวเลยครับที่เมื่อพูดถึง “เครื่องไฟฉุกเฉิน” ให้ชาวบ้านย่านต่างจังหวัดฟังทีไรก็ทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเครื่องไฟเหมือนเพลงไอ้หนุ่มเครื่องไฟ เพลงลูกทุ่งยอดฮิตของเสรี รุ่งสว่างกันเสียทุกทีไปทำให้ต้องเสียเวลามานั่งอธิบายกันเสียยกใหญ่ และในทำนองเดียวกันเมื่อเราพูดถึงเพลงไอ้หนุ่มเครื่องไฟให้คนเมืองหรือคนกรุงเทพที่ไม่ได้มีพื้นเพเป็นเด็กต่างจังหวัดได้ฟังคนเหล่านั้นก็คิดว่าไอ้เครื่องไฟที่มีอยู่ในชื่อเพลงนั้นมันคือเครื่องไฟฉุกเฉินแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันซึ่งก็ต้องมานั่งอธิบายกันอีกว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรดังนั้น ในวันนี้ผมจึงขอใช้พื้นที่บทความในตอนนี้อธิบายให้ทุกท่านทั้งคนเมือง คนต่างจังหวัดได้ฟังกันเพื่อที่จะได้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้และไม่เข้าใจผิดกันระหว่าง “เครื่องไฟฉุกเฉิน” กับ “เครื่องไฟ” ในความหมายของต่างจังหวัดครับ สำหรับเครื่องไฟฉุกเฉินนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายเพราะมันคือเครื่องสำรองไฟเพื่อให้แสงสว่างในยามที่ไฟดับหรืออยู่ในที่มืดนั่นเองซึ่งคุณสมบัติหลักของมันมีเพียงแค่ให้แสงสว่างเท่านั้นไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้เหมือนกับ “เครื่องไฟ” ในต่างจังหวัด ส่วนเจ้า “เครื่องไฟ” ที่หมายถึงในเพลงไอ้หนุ่มเครื่องไฟนั้นไม่ได้มีความหมายที่สื่อถึงเครื่องไฟฉุกเฉินแต่อย่างใดหากแต่เป็นการพูดถึงเครื่องปั่นไฟเพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าในการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกับ “เครื่องไฟฉุกเฉิน” อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเมื่ออธิบายอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้วผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่านับจากนี้ไปคงไม่สับสนกันระหว่าง “เครื่องไฟ” กับ “เครื่องไฟฉุกเฉิน” นะครับ